ผลงาน ของ เจสัน เดวิด แฟรงก์

พาวเวอร์เรนเจอร์

เดิมที ได้มีการคัดเลือกให้แฟรงก์รับบทเป็นเรด เรนเจอร์ ในไมตี้ มอร์ฟฟิน พาวเวอร์เรนเจอร์ หลังจากนั้นเขาก็ได้พยายามลองอีกครั้งเมื่ออายุ 19 ปี โดยได้รับบททอมมี โอลิเวอร์ ซึ่งเป็นกรีน เรนเจอร์ ซึ่งตัวละครของเขาต่อมากลายเป็นไวท์ เรนเจอร์

แฟรงก์ยังได้รับการคาดหมายในการรับบทนำเป็นอดัม สตีล ใน VR ทรูปเปอร์ (แต่เดิมเรียกในชื่อ "ไซเบอร์ตรอน") และได้รับการถ่ายทำในบทของเมทัลเดอร์ตอนที่ยังไม่ได้แปลงกาย ก่อนจะมีการเรียกตัวกลับไปร่วมงานในซีรีส์พาวเวอร์เรนเจอร์ โดยจากที่มีการคัดเลือกทั้งแฟรงก์ และแบรด ฮอว์กิน ได้เคยมีแผนให้ฮอว์กินเข้าไปรับบทแทนแฟรงก์ ผู้มีบทเป็นไวท์ เรนเจอร์ ในพาวเวอร์เรนเจอร์อยู่แต่ก่อน[4][5] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความนิยมของแฟรงก์ที่มีต่อแฟน ๆ พาวเวอร์เรนเจอร์ ทำให้เขาต้องมารับบทเป็นไวท์ เรนเจอร์ อีกครั้ง[6] ส่วนฮอว์กินก็ได้เข้ารับช่วงต่อใน VR ทรูปเปอร์ โดยตัวละครดังกล่าว ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก อดัม สตีล ไปเป็น ไรอัน สตีล

ภายหลังจากผลงานลำดับที่สามของไมตี้ มอร์ฟฟิน พาวเวอร์เรนเจอร์ ในชุดพาวเวอร์เรนเจอร์ ซีโอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการเปลี่ยนชุดเรนเจอร์ประจำปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของซีรีส์ขบวนการนักสู้ แฟรงก์ได้กลายเป็นเรดซีโอเรนเจอร์ ส่วนปีต่อมาในพาวเวอร์เรนเจอร์ เทอร์โบ เขาก็ได้รับบทเป็นเรดเทอร์โบเรนเจอร์คนแรก กระทั่งช่วงกลางฤดูกาล แฟรงก์และเพื่อนสมาชิก จอห์นนี ยัง บอสช์, นาเกีย เบอร์ริส และแคทเธอรีน ซัทเธอร์แลนด์ ต่างได้รับการตกลงที่จะออกจากทีมและมีคนเข้ามารับช่วงต่อ

ภายหลังจากที่เขาออกไปจากซีรีส์ในปี ค.ศ. 1997 แฟรงก์ได้กลับมาแสดงในพาวเวอร์เรนเจอร์ ในบทของซีโอเรนเจอร์วีเรดในปี ค.ศ. 2002 สำหรับตอนพิเศษครบรอบ 10 ปี ในชื่อตอน"ฟอร์เอเวอร์เรด" ในพาวเวอร์เรนเจอร์ ไวลด์ฟอร์ซ (ในการรวมตัวกันใหม่กับออสติน เซนต์ จอห์น) จากนั้นเขาก็กลับมารับบทในปี ค.ศ. 2004 ในพาวเวอร์เรนเจอร์ ไดโนธันเดอร์ ในบทแบล็คไดโนเรนเจอร์ ในช่วงของการรับบทดังกล่าว เขามักสวมเสื้อแขนยาวเพื่อปกปิดรอยสักที่แขน ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับตอน"ฟอร์เอเวอร์เรด" ของภาคไวลด์ฟอร์ซ โดยบทแบล็คไดโนเรนเจอร์เป็นที่โปรดปรานสำหรับดักลาส สโลน[7] เขาได้พูดติดตลกว่าบริษัทซาบันและดิสนีย์ "ทั้งสองด้อยเหมือนกัน" แต่เขารู้สึกประทับใจต่อการผลิตบุคลากรสำหรับภาคไดโนธันเดอร์[8] และแฟรงก์ยังได้บรรเลงบทของเขาเป็นทอมมี โอลิเวอร์ ในฤดูกาลสุดท้ายของพาวเวอร์เรนเจอร์ ซูเปอร์เมกะฟอร์ซ[ต้องการอ้างอิง]

แฟรงก์ได้แสดงความสนใจในการพัฒนากรีนเรนเจอร์ซีรีส์เดี่ยวหรือภาพยนตร์สารคดีพิเศษหลังพบกับสแตน ลี ในการประชุมหนังสือการ์ตูน[9]

ในปี ค.ศ. 2013 แฟรงก์ได้มีส่วนร่วมในผลงานชุด "ซูเปอร์พาวเวอร์บีตดาวน์" ที่เป็นการนำสองนักสู้ผู้ทรงพลังจากซีรีส์ต่าง ๆ มาต่อสู้กัน โดยผลการตัดสินขึ้นอยู่กับการโหวตของแฟน ๆ ซึ่งในตอนที่ 10 เขาได้ปรากฏตัวในบทของไวท์ เรนเจอร์ ที่ได้กำจัดสกอร์เปียน ผู้เป็นตัวละครจากมอร์ทัล คอมแบท ด้วยผลการโหวตจากแฟน ๆ ที่ห่างกันไม่มากนัก (51 เปอร์เซ็นต์สำหรับไวท์ เรนเจอร์ และ 49 เปอร์เซ็นต์สำหรับสกอร์เปียน) ซึ่งตามประวัติของ "ซูเปอร์พาวเวอร์บีตดาวน์" ยังมีการแสดงฉากจบอีกแบบด้วยชัยชนะของสกอร์เปียน แฟรงก์ได้ปรากฏตัวอีกครั้งในตอนที่ 15 โดยในคราวนี้เขาได้รับบทเป็นกรีน เรนเจอร์ ที่เขาทำการเปิดศึก และมีชัยเหนือริว แห่งสตรีทไฟท์เตอร์[10]

ภายหลังจากประสบความสำเร็จกับซีรีส์"ซูเปอร์ฮีโรบีตดาวน์" ก็ได้มีการเริ่มผลงาน"แบทอินเดอะซัน" ซึ่งเป็นซีรีส์เรียลลิตีของเจสัน เดวิด แฟรงก์ ในชื่อ "มายมอร์ฟีนไลฟ์"[11] ส่วนในปี ค.ศ. 2015 ได้มีการเริ่มจัดฉายออกอากาศในฤดูกาลที่ 2 [12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจสัน เดวิด แฟรงก์ http://www.chicagonow.com/blogs/mma-disputed/2010/... http://blogs.chron.com/fighting/2010/01/former_gre... http://sportsillustrated.cnn.com/2009/mma/09/02/ja... http://www.facebook.com/jasondfrank?v=wall&story_f... http://grnrngr.com/documents/maxmouze/prnl62.txt http://henshinjustice.com/2007/09/03/cybertron-the... http://m.ign.com/articles/2015/04/02/jason-david-f... http://m.imdb.com/?ref_=m_nv_home http://www.imdb.com/name/nm0290969/ http://www.instagram.com/jdfffn